มาตรฐานใหม่ "ความนิยมของเว็บไซต์" (Popularity Rating)
  • Popularity Rating(PR) คือ อัตราการเยี่ยมชม ที่ใช้วัดถึงความนิยมของเว็บไซต์ในเชิงเปรียบเทียบกับเว็บไซต์ทั้งหมด หรือถ้าเข้าใจง่ายขึ้น อาจเปรียบได้กับ "ส่วนแบ่งการตลาด (Market share)" ทางภาษาทางการตลาด ซึ่งคำนวณจากสมการ
  • Popularity Rating = (100*จำนวน Unique IP ของเว็บไซต์) / จำนวน Unique IP ของเว็บไซต์สมาชิกทั้งหมด
    เช่น เว็บไซต์ A มีค่า Popularity Rating = 10% นั้นหมายถึงว่า ถ้ามีจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ ทั้งหมด 1,000,000 คน /วันจะมีจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ A โดยเฉลี่ย 100,000 คน/วัน เป็นต้น
แนวคิดในการกำหนด "ความนิยมของเว็บไซต์"
การวัดความนิยมเว็บไซต์นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นในการชี้ว่า เว็บไซต์นั้นๆได้รับความนิยม(ดัง)มากน้อยเพียงใด ซึ่งโดยทั่วไปแล้วก็คือการวัดปริมาณผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์นั้นเอง ยิ่งดังมากก็จะมีจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บมาก และผลที่ตามมาเว็บเหล่านี้ก็สามารถที่จะสร้างรายได้อย่างงดงามโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากค่าโฆษณาออนไลน์ ซึ่งนับเป็นรายได้หลักของบรรดาเว็บไซต์ดังๆทั้งหลาย โดยปกติ ค่าที่ใช้วัดปริมาณผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ มีอยู่หลายค่า คือ
  1. ที่ง่ายที่สุดคือ การวัดจำนวนผู้เยี่ยมชมโดยใช้ค่า "Page View" ในบางครั้งเรียกว่า "Hit count" ซึ่งเป็นการนับจำนวนครั้งที่เว็บเพจนั้นถูกเรียกชมจากผู้เยี่ยมชม ดังเห็นได้จากที่บางเว็บมีการติดตั้งโปรแกรมตัวนับ (Web Counter) ซึ่งค่าตัวนับนี้จะขึ้นครั้งละ 1 เมื่อมีการเยี่ยมชมเกิดขึ้นทุกครั้ง
    • การใข้ค่า Page View ในการวัดถึงปริมาณผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ นั้นจะบอกเพียงว่า มีการเยี่ยมชมเว็บไซต์มากหรือน้อย แต่ไม่สามารถบอกถึง Unique Visitor คือ ผู้เยี่ยมชมที่ไม่ซ้ำกันได้
    • ตัวอย่างเช่น มีคนคนหนึ่งเรียกหน้าเว็บจำนวน 100 ตรั้งตัวเลขที่ตัวนับก็จะนับเพิ่มขึ้นเป็น 100 ครั้งทั้งที่เป็นคนเดียวที่เข้ามาเยี่ยมชม และปัญหาสำคัญของการใช้ Page View เป็นตัววัดคือ สามารถที่จะถูกปั่นสถิติได้ง่าย ดังนั้นค่า Page View จึงเป็นตัววัดที่มีความน่าเชื่อถือน้อยสุดในการวัดจำนวนผู้เยี่ยมชม เว็บไซต์
  2. วัดค่า Unique Visitor โดยการคำนวณจากค่า IP Address ของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ไม่ซ้ำกันในช่วงเวลาหนึ่ง หรือที่เรียกว่า Unique IP เช่น จำนวน IP Address ของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ไม่ซ้ำกันในหนึ่งวันก็จะเรียกว่า Daily และที่สำคัญการวัดโดยใช้ Unique IP นั้นทำให้ยากในการปั่นสถิติที่สุด และเป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายว่าเป็นวิธีนับที่มีความน่าเชื่อถือสูงที่สุด
อย่างไรก็ตาม ตามธรรมดาของโลกมนุษย์ที่ ทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย
  1. ข้อดีของ Unique Visitor วิธีนี้ไม่เพียงแต่สามารถแยกแยะว่าคนที่มาเยี่ยมชมเว็บไซต์นั้นเป็นคนเดียวกันหรือไม่ แต่ยังสามารถทราบได้ว่าผู้เยี่ยมชมนั้นอยู่ที่ประเทศใด อีกทั้งยังสามารถหาจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์นั้นแล้วกลับมาเยี่ยมชมอีก (Return Visitor) โดยการพิจารณาจากค่า IP address
  2. ข้อเสียของการใช้ Unique IP ในการวัดจำนวนผู้เยี่ยมชมนั้น คือ ค่าที่ได้นั้นจะน้อยกว่าความเป็นจริง คือจะเป็นค่า Lower Bound ที่รับประกันถึงจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ อย่างน้อยที่สุดว่ามี่กี่คน เพราะเนื่องจาก บางบริษัท บางหน่วยงาน, บริษัทผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต มีการใช้หรือให้บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต โดยอาศัย Proxy Server ทำให้ IP address ของผู้เยี่ยมชมที่แสดงนั้นเป็น IP Address ของ Proxy Server เดียวกันหมด ทั้งที่มีจำนวนผู้เยี่ยมชมอยู่หลายคน
  • ด้วยข้อด้อยตรงนี้การใช้ค่า Unique IP มาวัด Unique Visitor นั้นทำให้เว็บไซต์ต่างๆไม่ค่อยยินดีกันนัก โดยเฉพาะเมื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการเสนอขายโฆษณาออนไลน์ ดังจะเห็นได้จากหลายเว็บไซต์นิยมใช้ Page View เป็นตัววัดแทนการใช้ Unique IP เมื่อประชาสัมพันธ์ถึงปริมาณการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเว็บ เพราะในบางเว็บค่าสถิติที่ได้นั้นต่างกันเป็น 10-20 เท่า
  • และจากแนวคิดทางด้านวิชาการตลาดในเรื่อง "ส่วนแบ่งการตลาดผลิตภัณฑ์" ในการวิเคราะห์ถึงความสามารถการแข่งขันของบริษัทนั้นๆ เช่น แม้ว่ายอดขายของผลิตภัณฑ์บริษัทจะเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่บริษัทกลับมีส่วนแบ่งทางการตลาดของผลิตภัณฑ์นั้นลดลงเมื่อเทียบกับของบริษัทคู่แข่ง นั่นย่อมแสดงให้เห็นถึง ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทลดน้อยลงในมุมมองเปรียบเทียบ ซึ่งแนวคิดนี้ก็สามารถนำมาประยุกต์เพื่อใช้วัดค่าความนิยมของเว็บไซต์ได้เช่นกัน

   Copyright © 2006 Truehits.net. All rights reserved. ข้อตกลงการให้บริการ
   Home | SignUp | Services | Directory | Ranking | Index | FAQ |ติดต่อเว็บมาสเตอร์ |Contact Us |ลงโฆษณากับทรูฮิต

^ back to top   

Your Unique Webstats.